01 August 2008

๐ การปั้นตุ๊กตา ด้วยแป้งขนนปัง

การปั้นตุ๊กตา ด้วย แป้งขนมปัง
ขนมปัง นอกจากจะเอาไว้เพื่อรับประทานแล้วหากใช้รับประทาน ไม่หมดยังใช้เศษขนมปังที่เหลือให้เกิดประโยชน์โดยนำมาทำเป็นสิ่ง ประดิษฐ์ ใช้ทำเป็นเครื่องประดับเป็นของขวัญ ของฝากญาติผู้ใหญ่ เพื่อนฝูงคงถูกใจทั้งผู้ให้และผู้รับและสามารถนำไปจำหน่ายเป็นการ เพิ่มพูนรายได้เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ช่วยประหยัด เศรษฐกิจในครอบครัวได้เป็นอย่างดี
วัสดุส่วนผสมการทำแป้งขนมปัง
1.แป้งขนมปังป่น ใช้ขนมปังปอนด์ ที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป เอาเฉพาะตรงกลางสีขาว นำไปตากแดดหรือผึ่งลมให้แห้งจนกรอบ แล้วนำไปบดด้วยเครื่องบด หรือ ใช้ครกตำให้ละเอียดจนเป็นผง ยิ่งละเอียดยิ่งดี
2. แป้งข้าวโพด ส่วนประกอบที่สำคัญในการช่วยทำให้แป้งขนมปังมีเนื้อ ละเอียดขึ้น และยังเป็นการช่วยเพิ่มปริมาณของแป้งขนมปังให้มากขึ้น ด้วย posri
3. กาวลาเท็กซ์ ทำให้แป้งขนมปังมีความแข็งตัวจับเนื้อแป้งให้ กลมกลืนกัน
4. สารกันบูด เพื่อยืดอายุของแป้งขนมปังให้เก็บรักษาไว้ได้นาน ยังช่วยลดปัญหาการเกิดเชื้อราด้วย
5. น้ำมันมะกอกหรือครีมถนอมผิว นำน้ำมันมะกอก ช่วยป้องกันมิให้แป้งขนมปังติดมือในขณะทำการนวด แป้งหรือในขั้นตอนการปั้น เพื่อช่วยให้แป้งขนมปังมีกลิ่นน่าใช้และน่า สัมผัส นอกจากน้ำมันมะกอกแล้ว ยังสามารถใช้ครีมถนอมผิวหรือโลชั่นบำรุงผิวแทนก็ได้
6. สี เช่น สีโปสเตอร์ สีน้ำสีน้ำมัน (ชนิดหลอด) สีฝุ่น หรือสีผสมอาหาร ขอแนะนำให้ใช้สีโปสเตอร์ เพราะมีราคาถูก หากเปรอะเปื้อนมือก็สามารถทำความสะอาดล้างด้วยน้ำได้ง่าย
7. เคลียร์แล็กเกอร์ ใช้ฉีด,ทาเคลือบ ตุ๊กตา เพื่อป้องกันแมลงสาป หนู แทะกินเล่น และสะดวกในการทำความสะอาด ใช้น้ำยาเคลือบเล็บมันใสแทนก็ได้
ส่วนผสมแป้งขนมปัง
แป้งขนมปังจะต้องมีสัดส่วนการผสมดังนี้
1. แป้งขนมปังป่น จำนวน 250 กรัม
2. แป้งข้าวโพด จำนวน 250 กรัม
3. กาวลาเท็กซ์ จำนวน 250 กรัม
4. น้ำมันมะกอกหรือครีมถนอมผิว จำนวน 1 ช้อนชา
5. สารกันบูด จำนวน 1 ช้อนชา
6.สี สำหรับผสมกับแป้งในขั้นตอนการนวดแป้ง โดยแบ่งเป็น ก้อนเล็ก ๆ ตามสีที่ต้องการใช้
วิธีผสมแป้งขนมปัง
1. นำแป้งขนมปังที่ป่นแล้ว 1 ส่วน ผสมกับแป้งข้าวโพด 1 ส่วนใส่ลงในชามอ่างผสม แล้วใช้ไม้พายคลุกแป้งทั้งสองให้เข้ากัน
2. ใส่สารกันบูด 1 ช้อนชา ลงในแป้งขนมปังที่ผสมกับแป้งข้าวโพด แล้วคลุกให้สารกันบูดเข้าด้วยกัน
3. ใช้มือหรือไม้พายคลุกเคล้าให้แป้งขนมปัง แป้งข้าวโพด และสารกันบูด ผสมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
4. ค่อย ๆ เทกาวลาเท็กซ์ผสมลงไปทีละน้อย ๆ ในขณะเดียวกันให้ทำการคลุกแป้งกับกาว จนทำให้แป้งกับกาวเข้ากัน ถ้าหากแป้งยังแข็งหรือร่วนเกิน ให้เติมกาวลงไปอีก แต่ถ้าเหนียวเกินไปให้เติมแป้งขนมปังป่นลงไป
5. เทน้ำมันมะกอกหรือครีมถนอมผิวเล็กน้อยลงไปในแป้งที่ผสมกาวลาเท็กซ์ ขณะเดียวกันต้องใช้น้ำมันมะกอกหรือครีมทาที่มือด้วย เพื่อป้องกันมิให้แป้งที่ผสมกาวติดมือขณะเวลานวด
6. ใช้มือทั้งสองทำการคลุกเคล้าแป้งอีกครั้ง เพื่อให้น้ำมันมะกอกหรือครีมผสมเป็นเนื้อเดียวกันกับแป้งที่ผสมกาวลาเท็กซ์ นวดด้วยมือประมาณ 20 นาที ใส่ครีมถนอมผิวแล้วนวดต่อไปอีก 5 นาที ขณะที่นวดถ้าแข็งไปให้เติมโลชั่นหรือครีมถนอมผิว ถ้าเหลวไปเติมแป้งข้าวโพด นวดจนแห้งไม่ติดมือ และเนื้อแป้งจะเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
7.แบ่งแป้งเป็น ส่วนๆ เพื่อผสมสีที่เตรียมไว้ นวดแป้งให้ผสมกันสี จนเนียนเข้ากัน ทำไปที่ละส่วนจนครบสีที่ต้องการ
8. หาถุงพลาสติกใส่แป้งที่นวดเสร็จแล้ว แยกสีละถุง เมื่อใช้ปั้นแล้ว แป้งที่เหลือรัดยางปากถุงกันลมเข้า เก็บไว้ในตู้เย็น ใช้ครั้งต่อไป

การปั้นตุ๊กตา ก็ปั้นตามความสามารถของแต่ละคน เมื่อปั้นเสร็จ วางผึ่งลมบนพลาสติก ใช้เวลาแห้งตัวเล็กก็1คืน ตัวใหญ่ก็2-3คืน ช่วงรอให้แห้งต้องระวัง
หนูหรือแมลงสาปมาแทะด้วย ไม่ต้องตากแดด ก็ได้ เมื่อแห้งสนิท ควรนำมาเคลือบด้วยแล็คเกอร์ ป้องกันแมลง มด หนู มาแทะกิน ดังนั้น ควรเคลือบแล็กเกอร์ สัก2ครั้ง ห่างกันประมาณ30 นาที

๐ เทคนิค การปัดทอง

เทคนิคการปัดทอง ทุนเบื้องต้นสำหรับอาชีพปัดทองนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นค่าอุปกรณ์และวัตถุดิบครั้งแรก โดยอยู่ที่ประมาณ 500 บาทขึ้นไป ส่วนทุนวัตถุดิบขึ้นอยู่กับชนิดของสีที่ใช้ในการปัด และคุณภาพของน้ำยารักที่ใช้ปัดทอง
วัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นมีอาทิ
น้ำยารักสีเหลือง, ผงเงิน, ผงทอง, ผงนาก, แผ่นทองคำเปลว, พู่กันเบอร์ 0-6, แปรงขนกระต่าย, แว่นขยาย สำหรับใช้ส่องดูรายละเอียดงาน
และทินเนอร์ สำหรับล้างพู่กัน
อุปกรณ์เหล่านี้หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนและร้านขายอุปกรณ์สำหรับช่างทอง
ขั้นตอนการปัดทอง เริ่มจากการนำน้ำยารักสีเหลืองมาทาลงบริเวณที่ต้องการจะ ปัดหรือลงสีให้ ทั่ว จากนั้นทิ้งไว้ ให้น้ำยาแห้งพอหมาด ๆ นำพู่กันจุ่มลงในขวดผงสีที่ต้องการ นำไประบายหรือปัดลงยังบริเวณที่ได้ลงรักทิ้งไว้ และทิ้งไว้ สักครู่ จึงนำแปรงขนกระต่ายหรือพู่กันมาปัดเศษผงสีที่ไม่ต้องการออก
ผงสีที่ปัดนั้นจะติดแน่นเฉพาะส่วนที่ได้ทาน้ำยารักไว้
แต่ถ้าหากต้องการปัดแบบ "สามกษัตริย์" หรือลงสามสีคือ "ทอง-เงิน-นาก" เคล็ดลับสำคัญก็คือให้ลงหรือทาผงนากก่อนเป็นอันดับแรกเหตุผลก็เนื่องจากผงนากจะมีมวลที่หนักกว่าสีอื่น หากลงสีทองหรือเงินก่อนลงนาก จะทำให้สีหมองลง ดูไม่สวยงามเท่าที่ควรจากนั้นเมื่อลงนากเสร็จแล้ว จึงทาหรือปัดสีอื่น ๆ ที่ต้องการตามลงไป เมื่อเสร็จขั้นตอนดังกล่าวแล้วก็ให้ใช้พู่กันหรือแปรงขนกระต่ายปัดเศษผงสีที่ไม่ต้องการออก และตรวจดูความสะอาดสีต่าง ๆ ที่ทาไว้อีกครั้ง ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน
ทั้งนี้แม้วิธีการพื้นฐานสำหรับเทคนิคการปัดทองจะมีเพียงเท่านี้ แต่ "เทคนิคสำคัญ" ของการปัดทองที่ดี ก็คือ...
1. จะต้องทำให้แนวของเส้นที่ต้องการปัดชัดเจน
2. สีที่ปัดต้องไม่ล้ำหรือเกินไปจากลาย
3. ตัวอักษรที่พิมพ์อยู่ต้องเห็นเด่นชัด สามารถรู้ได้ว่าเป็นอักษรอะไร ถ้าเป็นพระเครื่อง วัตถุมงคล ต้องดูรู้ว่ารุ่นใด หรือวัดแห่งไหนเป็นผู้จัดสร้าง
"และส่วนผสมของสีที่ใช้ปัดหรือทาก็สำคัญเช่นกัน โดยผู้ที่คิดจะยึดอาชีพนี้ต้องเลือกใช้สีที่มีคุณภาพ เมื่อปัดหรือทาแล้วจะต้องไม่จางหรือจางน้อยที่สุด รวมถึงควรเลือกใช้สีที่มีความเงางาม เพื่อที่จะทำให้งานปัดทองนั้นมีความสวยงาม หรูหรามากขึ้น"...นี่ก็เป็นเทคนิคที่คนที่สนใจงานด้านนี้ต้องตระหนัก
สำหรับรายได้ของการรับปัดทองนั้น โดยส่วนใหญ่ราคารับปัดทองในท้องตลาดจะอยู่ที่ 50 บาทจนถึง 300 บาท
หากเป็นการปัดทองจตุคามสีเดียว มีรายละเอียดของงานไม่มาก ก็จะเริ่มต้นที่ราคาองค์ละ 50-100 บาท แต่ถ้าหากมีการเพิ่มสี หรือที่เรียกว่าปัดสองกษัตริย์-ปัดสามกษัตริย์ คือปัด 2 สี และปัด 3 สี ทอง-เงิน-นาก ราคาค่าปัดก็จะสูงเพิ่มขึ้นจนถึงประมาณองค์ละ 200-300 บาท
โดยจะใช้เวลาในการปัดองค์ละประมาณ 1-3 ชั่วโมง